รวมไฟล์ และ VDO ติวสอบ NL 2 ศรว. 2
>> Downloadรวมไฟล์NL2 <<
>> ดู Youtube Playlist ติวสอบ All NL2 <<
NL1: ชีทสรุปติว NL Step 1 KKU - NLME - ชีทสรุปเนื้อหาแพทย์ชั้นพรีคลินิก [WORD, PDF]
https://free-medicalbook-thailand.blogspot.com/2018/04/nl1-nl-step-1-kku-nlme.html
NL1: Update ชีทสรุปติว ไฟล์เสียง NL step 1 : 2561 / 2018
http://free-medicalbook-thailand.blogspot.com/2018/03/update-nl-step-1-2561-2018.html
NL2: รวมไฟล์ และ VDO ติวสอบ NL 2 ศรว. 2http://free-medicalbook-thailand.blogspot.com/2015/01/link-vdo-nl-2-2.html
NL3: [OSCE NL3 ศรว.] รวม link หนังสือ เตรียมสอบ ข้อสอบ OSCE MEQ NL3
------------------------------------------------------------https://free-medicalbook-thailand.blogspot.com/2018/04/nl1-nl-step-1-kku-nlme.html
NL1: Update ชีทสรุปติว ไฟล์เสียง NL step 1 : 2561 / 2018
http://free-medicalbook-thailand.blogspot.com/2018/03/update-nl-step-1-2561-2018.html
NL2: รวมไฟล์ และ VDO ติวสอบ NL 2 ศรว. 2
NL3: [OSCE NL3 ศรว.] รวม link หนังสือ เตรียมสอบ ข้อสอบ OSCE MEQ NL3
หลังจากได้สอบ NL ครบทั้ง 3 parts ก็ได้ค้นพบว่า... (จาก หมอ ม.ขอนแก่น)
บทความนี้คุณ dume (Medicine 31st KKU)
ได้โพสต์ไว้ในเวบไซต์ http://www.med-kku.com
เพื่อแชร์ประสบการณ์การสอบ NL ทั้งสามครั้งของตน
อ่านแล้วได้ความรู้ดีครับ
------------------------------------------------------------
ขอเอาประสบกามและการณ์ส่วนตัวมาเล่าสู่กันฟัง และขอแนะนำเทคนิคเล็กๆน้อยๆที่พี่ลองทำแล้วประสบความสำเร็จ(มั้ง)
NL1
1. Gross anatomy ถ้าไม่มีเวลาก็ไม่ต้องอ่านก็ได้
2. วิชาที่บังคับอ่านและควรจะจำได้ ได้แก่ Pathology, phamacology, physiology, hematology
3. วิชาอื่นๆแล้วแต่ศรัทธาครับ คือควรอ่านให้ครบแต่ไม่ต้องตะบี้ตะบันท่องจำ แค่เข้าใจ concept พอ
4. ถ้ามีข้อสอบเก่าควรอ่านข้อสอบเก่าก่อนแล้วค่อยไปอ่านหนังสือ จะได้รู้จุดที่ควรอ่านเน้นๆ(ขึ้นอยู่กับเทคนิคแต่ละคน แต่ตอนปีพี่สอบมันไม่มีข้อสอบเก่าอ่ะ)
5. ข้อสอบจะไม่ถามแบบเน้นความจำมากมาย คือไม่ต้องจำได้เป๊ะๆว่า nerve เส้นนี้เลี้ยงที่กล้ามเนื้อมัดไหน
6. ข้อสอบบางข้อมีรูป เช่น micro, hemato, patho, parasite อันนี้ไม่ควรพลาด เพราะคำถามเค้าถามง่ายๆ
7. หนังสือที่ควรมีและอ่านให้จบคือ First Aid for USMLE step1, Deja review for USMLE step1
8. หนังสือพวก Review ต่างๆแล้วแต่ศรัทธาเช่นกัน แต่ควรจะเลือกอ่านหนังสือที่ได้ recommend จาก First Aid series บางเล่มในห้องสมุดของเราก็มี
9. หนังสือพวก Q Bank ควรอ่านของ Kaplan(ถ้ามีเวลา) ของ NMS หรือยี่ห้ออื่นๆ บางทีมันยากเกินไป
10. ควรช่วยกันติวและเฉลยข้อสอบ แต่ระวัง poison ควร consult คนที่น่าไว้ใจหน่อย
11. มันมักจะมีข้อสอบหลุดออกมาในคืนหมาหอน ซึ่งตรงบ้างไม่ตรงบ้าง ไอ้ที่ตรงมันก็ตรงชนิดที่จำ choice ไปตอบได้เลย ควรหา connetion กับเพื่อนที่ กทม ไว้เพราะข้อสอบหลุดมาจากที่นั่น(ขอสงวนชื่อสถาบัน)
12. น้องๆ(โดยเฉพาะผู้ชาย)อย่าได้ย่ามใจคิดว่าอีกนานกว่าจะสอบ พี่ขอบอกว่า เวลามันผ่านไปเรื่อยๆและเร็วซะด้วย พวกที่ตกกันส่วนใหญ่เกิดจากการที่เตรียมตัวมาไม่พร้อมจริงๆ
NL2 step นี้น้องๆหลายคนบ่นว่าไม่มีเวลาอ่าน + อ่านไม่ทัน ขอบอกว่า...มันเป็นความจริง 5 5 /zcxng
1. วิชาที่ควรอ่านให้จบและเข้าใจคือ Internal medicine, OB+GYN, Emergency med, ACLS guideline อื่นๆตามใจผู้สอบ
2. Psychiatry ออกเยอะจิงๆ ให้เน้นจำเรื่องเกี่ยวกับยาที่ใช้รักษาในคลาสต่างๆ และ side effect ของยาแต่ละคลาส หากเกิดปํญหาจากการใช้ยา ควรทำอย่างไร ถ้าจำไม่ผิด ของพี่มันออก 10ข้อ+
3. ข้อสอบจะเน้น Diagnosis เป็นหลัก รองลงมาคือ Management โดยเฉพาะ Emergency management
4. จำแค่ยาพอ ไม่ต้องจำ Dose
5. Orthopaedics มักจะถาม management ของรุ่นพี่ อ.สุรชัย มาติวให้ ตรงโคตรๆ
6. หนังสือที่ต้องอ่านคือ First Aid(อีกแล้ว) และ Deja review(series เดิม อิอิ) ที่แนะนำสองเล่มนี้ เพราะมันไม่มีเวลาแล้วยังไงล่ะ 5 5
7. หนังสือเล่มอื่นถ้ามีเวลา พี่แนะนำ review ของ internal med หรือ emer med เล่มไหนก็ได้ที่คิดว่าอ่านทัน
8. บอกตามตรงว่า ข้อสอบมันยากในระดับหนึ่ง แต่ไม่เท่ากับที่เราสอบใน block แน่นอน
9. มีข้อสอบเก่าก็เอามาอ่านบ้าง มันก็ออกวนๆในนั้นแหละ คนเก่งๆก็ติวให้เพื่อนด้วย ช่วยๆกัน
10. น้องควรจะแม่น Diagnosis จากประวัติและการตรวจร่างกาย
11. คืนหมาหอนใน step นี้ก็เช่นเดิม 5 5
12. คืนก่อนสอบแนะนำว่าให้นอนให้พอ เพราะสอบมาราธอนมาก คนที่อ่านไม่ทันก็ไม่ต้องอ่านโต้รุ่ง ช่าง...มัน
13. ตอนที่พี่สอบ มันแบ่งเป็นสอบ เช้า-บ่าย period ละ 150 ข้อ โดยข้อสอบมีสิทธิ์ออกซ้ำกันได้ ถ้าทำข้อสอบข้อไหนไม่ได้ หรือเกิดความสงสัยให้รีบเปิดดูตอนพักเที่ยง เพราะมันออกซ้ำจริงๆ(แต่ไม่รู้ว่ารุ่นนี้เค้าจะเลือกข้อสอบแบบรัดกุมมากขึ้นรึเปล่านะ อิอิ)
NL3 step นี้เพิ่งสอบไป หมาดๆ 5 5
1. ค่าสอบแพงมาก ตั้ง 5000 ทำให้เครียดกลัวจะสอบตก หลักๆคือเสียดายเงินเว้ย /azhskfa
2. ข้อสอบมี 20 ข้อ ลักษณะเป็นการสอบ OSCE ไม่ยากและไม่ง่าย ที่แน่ๆ ง่ายกว่า OSCE med(ยากมาก) แน่นอน
3. ไปสอบ ที่ กทม เหนื่อยมากๆๆๆ ก่อนสอบนอนแค่ 4-5 hr เอง
4. ข้อสอบมีข้อจำกัดที่เวลา 5 นาที อีกทั้งมันไม่เหมือนสถานการจริงที่เราทำกับคนไข้ ทำให้อะไรๆไม่เป็นอย่างที่หวัง
5. ข้อสอบแบ่งเป็น History taking 4 ข้อ, PE 4 ข้อ, Medical handicraft 5 ข้อ, Investigation 4 ข้อ, Communication 3 ข้อ
6. หุ่นจำลองที่ใช้ในการสอบไม่ค่อยมีคุณภาพ ทำให้คิดว่า 5000 บาท ที่เสียไป โคตรเสียดายเลย(ว่ะ)
7. มีข้อสอบรั่วแน่นอน(มันมีทุก step จนถึงสอบบอร์ดเลย)
8. อีกครั้ง ไม่ต้องจำ dose ยา เพราะมันไม่ใช่ MEQ
9. การประกาศผลสอบจะมีใน 2-3 สัปดาห์ หากสอบตกต้องสอบใหม่ ภายในเดือนมีนาคม ก่อนจะออกไป ทำงานจริงๆ
10. ข้อสอบออกอะไรบ้าง เอาไว้ปีหน้าค่อยบอกละกัน 5 5
เหนื่อยแล้วพอก่อน อิอิ
มีอะไรสอบถามเพิ่มเติมได้นะครับ ถ้ารู้จะตอบ
สุดท้ายขอให้น้องๆ+เพื่อนๆทุกคนสอบผ่านได้เป็นหมอที่ดี มีคุณภาพ แฟนสวยแฟนหล่อ
ข้อสอบเก่าน้องๆไปหาจากเพื่อนๆนี่แหละ ทั้งพวกที่อยู่สถาบันเดียวกัน และเพื่อนๆที่อยู่ กทม
จริงๆแล้วต้องขอบอกว่าตอนที่พี่สอบนั้นก็ไม่ได้ดูข้อสอบเก่าไปเลย ทั้งจากไม่มีเวลาและเป็นปีแรกที่สอบ
แต่เห็นเพื่อนๆและน้องๆหลายคนบอกว่าตรงเลยเอามาบอกต่อครับ
แต่ประโยชน์ที่แท้จริงที่ได้จากข้อสอบเก่านั้นคือเราจะได้รู้ว่าจุดไหนคือจุดสำคัญ ควรจะรู้และอ่านอะไรบ้าง
เพราะต้องยอมรับว่าความรู้ทางการแพทย์ปัจจุบันมันเยอะ(ชิบหาย)มากๆ คงมีน้อยคนนักที่จะแตกฉานในทุกๆวิชา
ดังนั้นทางลัดคือการดูข้อสอบเก่าแล้วย้อนกลับมาอ่านหนังสือนี่แหละครับที่ดีที่สุดในสถานการณ์แบบนี้ เรียนแบบ problem orientated learning ไง
สำหรับหนังสือ Deja review นั้นมีวิธีการอ่านคล้ายๆกับการทำ Quiz
คือน้องเอากระดาษมาปิดคำตอบที่อยู่ทางฝั่งขวามือไว้ แล้วอ่าน scenario
หากได้คำตอบแล้วจึงเปิดดูเฉลย ถูกก็ดี หากผิดก็จะได้รู้ว่าเรายังไม่รู้อะไรบ้างครับ
หรืออาจจะให้เพื่อนลองอ่านคำถามมาแล้วมาตอบกันในหมู่เพื่อนๆ พร้อมทั้งให้เหตุผลไปด้วย อันนี้ก็ใช้ได้ครับ
ได้โพสต์ไว้ในเวบไซต์ http://www.med-kku.com
เพื่อแชร์ประสบการณ์การสอบ NL ทั้งสามครั้งของตน
อ่านแล้วได้ความรู้ดีครับ
------------------------------------------------------------
ขอเอาประสบกามและการณ์ส่วนตัวมาเล่าสู่กันฟัง และขอแนะนำเทคนิคเล็กๆน้อยๆที่พี่ลองทำแล้วประสบความสำเร็จ(มั้ง)
NL1
1. Gross anatomy ถ้าไม่มีเวลาก็ไม่ต้องอ่านก็ได้
2. วิชาที่บังคับอ่านและควรจะจำได้ ได้แก่ Pathology, phamacology, physiology, hematology
3. วิชาอื่นๆแล้วแต่ศรัทธาครับ คือควรอ่านให้ครบแต่ไม่ต้องตะบี้ตะบันท่องจำ แค่เข้าใจ concept พอ
4. ถ้ามีข้อสอบเก่าควรอ่านข้อสอบเก่าก่อนแล้วค่อยไปอ่านหนังสือ จะได้รู้จุดที่ควรอ่านเน้นๆ(ขึ้นอยู่กับเทคนิคแต่ละคน แต่ตอนปีพี่สอบมันไม่มีข้อสอบเก่าอ่ะ)
5. ข้อสอบจะไม่ถามแบบเน้นความจำมากมาย คือไม่ต้องจำได้เป๊ะๆว่า nerve เส้นนี้เลี้ยงที่กล้ามเนื้อมัดไหน
6. ข้อสอบบางข้อมีรูป เช่น micro, hemato, patho, parasite อันนี้ไม่ควรพลาด เพราะคำถามเค้าถามง่ายๆ
7. หนังสือที่ควรมีและอ่านให้จบคือ First Aid for USMLE step1, Deja review for USMLE step1
8. หนังสือพวก Review ต่างๆแล้วแต่ศรัทธาเช่นกัน แต่ควรจะเลือกอ่านหนังสือที่ได้ recommend จาก First Aid series บางเล่มในห้องสมุดของเราก็มี
9. หนังสือพวก Q Bank ควรอ่านของ Kaplan(ถ้ามีเวลา) ของ NMS หรือยี่ห้ออื่นๆ บางทีมันยากเกินไป
10. ควรช่วยกันติวและเฉลยข้อสอบ แต่ระวัง poison ควร consult คนที่น่าไว้ใจหน่อย
11. มันมักจะมีข้อสอบหลุดออกมาในคืนหมาหอน ซึ่งตรงบ้างไม่ตรงบ้าง ไอ้ที่ตรงมันก็ตรงชนิดที่จำ choice ไปตอบได้เลย ควรหา connetion กับเพื่อนที่ กทม ไว้เพราะข้อสอบหลุดมาจากที่นั่น(ขอสงวนชื่อสถาบัน)
12. น้องๆ(โดยเฉพาะผู้ชาย)อย่าได้ย่ามใจคิดว่าอีกนานกว่าจะสอบ พี่ขอบอกว่า เวลามันผ่านไปเรื่อยๆและเร็วซะด้วย พวกที่ตกกันส่วนใหญ่เกิดจากการที่เตรียมตัวมาไม่พร้อมจริงๆ
NL2 step นี้น้องๆหลายคนบ่นว่าไม่มีเวลาอ่าน + อ่านไม่ทัน ขอบอกว่า...มันเป็นความจริง 5 5 /zcxng
1. วิชาที่ควรอ่านให้จบและเข้าใจคือ Internal medicine, OB+GYN, Emergency med, ACLS guideline อื่นๆตามใจผู้สอบ
2. Psychiatry ออกเยอะจิงๆ ให้เน้นจำเรื่องเกี่ยวกับยาที่ใช้รักษาในคลาสต่างๆ และ side effect ของยาแต่ละคลาส หากเกิดปํญหาจากการใช้ยา ควรทำอย่างไร ถ้าจำไม่ผิด ของพี่มันออก 10ข้อ+
3. ข้อสอบจะเน้น Diagnosis เป็นหลัก รองลงมาคือ Management โดยเฉพาะ Emergency management
4. จำแค่ยาพอ ไม่ต้องจำ Dose
5. Orthopaedics มักจะถาม management ของรุ่นพี่ อ.สุรชัย มาติวให้ ตรงโคตรๆ
6. หนังสือที่ต้องอ่านคือ First Aid(อีกแล้ว) และ Deja review(series เดิม อิอิ) ที่แนะนำสองเล่มนี้ เพราะมันไม่มีเวลาแล้วยังไงล่ะ 5 5
7. หนังสือเล่มอื่นถ้ามีเวลา พี่แนะนำ review ของ internal med หรือ emer med เล่มไหนก็ได้ที่คิดว่าอ่านทัน
8. บอกตามตรงว่า ข้อสอบมันยากในระดับหนึ่ง แต่ไม่เท่ากับที่เราสอบใน block แน่นอน
9. มีข้อสอบเก่าก็เอามาอ่านบ้าง มันก็ออกวนๆในนั้นแหละ คนเก่งๆก็ติวให้เพื่อนด้วย ช่วยๆกัน
10. น้องควรจะแม่น Diagnosis จากประวัติและการตรวจร่างกาย
11. คืนหมาหอนใน step นี้ก็เช่นเดิม 5 5
12. คืนก่อนสอบแนะนำว่าให้นอนให้พอ เพราะสอบมาราธอนมาก คนที่อ่านไม่ทันก็ไม่ต้องอ่านโต้รุ่ง ช่าง...มัน
13. ตอนที่พี่สอบ มันแบ่งเป็นสอบ เช้า-บ่าย period ละ 150 ข้อ โดยข้อสอบมีสิทธิ์ออกซ้ำกันได้ ถ้าทำข้อสอบข้อไหนไม่ได้ หรือเกิดความสงสัยให้รีบเปิดดูตอนพักเที่ยง เพราะมันออกซ้ำจริงๆ(แต่ไม่รู้ว่ารุ่นนี้เค้าจะเลือกข้อสอบแบบรัดกุมมากขึ้นรึเปล่านะ อิอิ)
NL3 step นี้เพิ่งสอบไป หมาดๆ 5 5
1. ค่าสอบแพงมาก ตั้ง 5000 ทำให้เครียดกลัวจะสอบตก หลักๆคือเสียดายเงินเว้ย /azhskfa
2. ข้อสอบมี 20 ข้อ ลักษณะเป็นการสอบ OSCE ไม่ยากและไม่ง่าย ที่แน่ๆ ง่ายกว่า OSCE med(ยากมาก) แน่นอน
3. ไปสอบ ที่ กทม เหนื่อยมากๆๆๆ ก่อนสอบนอนแค่ 4-5 hr เอง
4. ข้อสอบมีข้อจำกัดที่เวลา 5 นาที อีกทั้งมันไม่เหมือนสถานการจริงที่เราทำกับคนไข้ ทำให้อะไรๆไม่เป็นอย่างที่หวัง
5. ข้อสอบแบ่งเป็น History taking 4 ข้อ, PE 4 ข้อ, Medical handicraft 5 ข้อ, Investigation 4 ข้อ, Communication 3 ข้อ
6. หุ่นจำลองที่ใช้ในการสอบไม่ค่อยมีคุณภาพ ทำให้คิดว่า 5000 บาท ที่เสียไป โคตรเสียดายเลย(ว่ะ)
7. มีข้อสอบรั่วแน่นอน(มันมีทุก step จนถึงสอบบอร์ดเลย)
8. อีกครั้ง ไม่ต้องจำ dose ยา เพราะมันไม่ใช่ MEQ
9. การประกาศผลสอบจะมีใน 2-3 สัปดาห์ หากสอบตกต้องสอบใหม่ ภายในเดือนมีนาคม ก่อนจะออกไป ทำงานจริงๆ
10. ข้อสอบออกอะไรบ้าง เอาไว้ปีหน้าค่อยบอกละกัน 5 5
เหนื่อยแล้วพอก่อน อิอิ
มีอะไรสอบถามเพิ่มเติมได้นะครับ ถ้ารู้จะตอบ
สุดท้ายขอให้น้องๆ+เพื่อนๆทุกคนสอบผ่านได้เป็นหมอที่ดี มีคุณภาพ แฟนสวยแฟนหล่อ
ข้อสอบเก่าน้องๆไปหาจากเพื่อนๆนี่แหละ ทั้งพวกที่อยู่สถาบันเดียวกัน และเพื่อนๆที่อยู่ กทม
จริงๆแล้วต้องขอบอกว่าตอนที่พี่สอบนั้นก็ไม่ได้ดูข้อสอบเก่าไปเลย ทั้งจากไม่มีเวลาและเป็นปีแรกที่สอบ
แต่เห็นเพื่อนๆและน้องๆหลายคนบอกว่าตรงเลยเอามาบอกต่อครับ
แต่ประโยชน์ที่แท้จริงที่ได้จากข้อสอบเก่านั้นคือเราจะได้รู้ว่าจุดไหนคือจุดสำคัญ ควรจะรู้และอ่านอะไรบ้าง
เพราะต้องยอมรับว่าความรู้ทางการแพทย์ปัจจุบันมันเยอะ(ชิบหาย)มากๆ คงมีน้อยคนนักที่จะแตกฉานในทุกๆวิชา
ดังนั้นทางลัดคือการดูข้อสอบเก่าแล้วย้อนกลับมาอ่านหนังสือนี่แหละครับที่ดีที่สุดในสถานการณ์แบบนี้ เรียนแบบ problem orientated learning ไง
สำหรับหนังสือ Deja review นั้นมีวิธีการอ่านคล้ายๆกับการทำ Quiz
คือน้องเอากระดาษมาปิดคำตอบที่อยู่ทางฝั่งขวามือไว้ แล้วอ่าน scenario
หากได้คำตอบแล้วจึงเปิดดูเฉลย ถูกก็ดี หากผิดก็จะได้รู้ว่าเรายังไม่รู้อะไรบ้างครับ
หรืออาจจะให้เพื่อนลองอ่านคำถามมาแล้วมาตอบกันในหมู่เพื่อนๆ พร้อมทั้งให้เหตุผลไปด้วย อันนี้ก็ใช้ได้ครับ
ศูนย์ประเมินและรับรองความรู้ความสามารถในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม (ศรว.)
Center for Medical Competency Assessment and Accreditation
...........................
ถ้าชอบหนังสือที่เราแชร์ ☕️ ซื้อกาแฟเลี้ยงเราได้นะครับ
Please support me on ko-fi.com/fmbt24
Bitcoin Lightning Network tippin.me/@FMBT24
Metamask wallet (BEP20, ERC20, Polygon, Bitkub Chain)
0x659a6b4fE2f5D9D90464B80077B982fDED750c4F
🙏 ฝากกด Like และ Share เพจเราด้วยนะครับ
facebook.com/FMBT24
ขอบคุณมากๆครับ
ตอบลบยินดีครับ ตอนนี้ blog กลับมาพยายามอัพเดตใหม่ ฝากติดตามด้วยนะครับ
ลบhttps://twitter.com/FMBT24
https://www.facebook.com/FMBT24